คะนึงถึง Appsynth

11 ปี 8 เดือน 16 วัน

กับชีวิตการทำงานที่อยู่กับ Appsynth

ช่วงเวลานานขนาดนี้ ถ้าเทียบกับกับการเลี้ยงลูกตั้งแต่เกิด ก็คงจะอยู่ ป.6 เตรียมเข้า ม.1 ละ

หรือเทียบกับช่วงเวลาก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเสร็จก็ใกล้เคียง (10 ปี 1996-2006)

หรือถ้าคุณเดินทางรอบโลก (ตามเส้นรอบวงโลก 40,075 กม.) และเดินด้วยความเร็วเฉลี่ย 5 กม./ชม. ทุกวัน วันละ 8 ชั่วโมง คุณจะเดินครบโลก เกือบ 3 รอบ ในเวลานี้!

หรือถ้าคุณดูหนังความยาวเฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อเรื่อง วันละ 2 เรื่อง ทุกวัน คุณจะดูหนังได้ มากกว่า 15,600 เรื่อง

หรือถ้าเทียบกับแสง จะเดินทางไปได้ไกลกว่า 116 ล้านล้านกิโลเมตร
ซึ่งเกือบถึงขอบระบบสุริยะ!

หรือถ้าเทียบกับยาน Voyager 2 ก็จะเดินทางไปไกลกว่า 5.7 พันล้านกิโลเมตร
ซึ่งเกือบเป็นระยะทางจากดวงอาทิตย์ไปถึงดาวพลูโต

— หรือถ้าคิดเป็นช่วงเวลา 11 กว่าปีที่แล้ว —

แอปเปิ้ลก็เพิ่งเปิดตัว iPhone 5s

Microsoft เพิ่งซื้อกิจการ Nokia

Google เพิ่งเปิดตัว Google Glass

Bitcoin ราคาพุ่งสูงเกิน 1,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก (รู้งี้!)

ใช่แล้ว…

มันคือช่วงเวลาที่นานมากๆ เลย ในชีวิตคนคนนึงเนาะ

เรียกได้ว่า Loyalty ภักดีสีเขียวอย่างหนักหน่วงกับบริษัทนี้

แต่การเปลี่ยนแปลง การปรับตัว มันก็มีเข้ามาเรื่อยๆ

ทั้งตัวเราเองและตัว Appsynth

ในตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมา

แค่ว่า ครั้งนี้มันยิ่งใหญ่ไปหน่อย

และก็เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้เขียนใบลาออก…

นามบัตรเปลี่ยน 3 รอบ

Appsynth ให้ประสบการณ์ ให้ความรู้กับเรามากมาย ตั้งแต่เริ่มงานปีแรก ที่เป็นมือใหม่ในวงการ ได้เจอคนเก่งๆ จนทำงานไป 4 ปี จากตัวเราที่เป็นพนักงานคนที่ 10 กลายเป็นจำนวน 50 คนแล้ว ทีมขยายอย่างรวดเร็ว (ปัจจุบันเกือบ 130 คน) จนปีที่ 9 เราก็เขียนไดอารี่อีกครั้ง เพราะเป็นช่วงโควิดที่ทั้งโลกได้รับผลกระทบ และเป็นปีที่ Appsynth ก็ถือว่าเจอ Challenge เช่นกันกับทุกๆ คน

British Chamber of Commerce Thailand – AI Night
Mission To U – Chulalongkorn University

ปีแห่งความที่สุด

ปี 2024 ที่ผ่านมา เป็นปีที่เรารีวิวชีวิตตัวเองลง Facebook ว่ากราฟขึ้นสุด ลงสุด ใน “ทุกด้าน” ของชีวิต

ด้านการงานคือเราเครียดและกดดันกับงานสุดๆ โดยเฉพาะครึ่งหลังของปีที่ได้อยู่กับโปรเจคที่ยิ่งใหญ่แล้วมีเวลาทำอันน้อยนิด จากที่ไม่ชอบการทำล่วงเวลางาน ก็จำเป็นต้องทำเพื่อให้เสร็จตามกำหนด

และมันก็คงเป็นปีที่หนักกับใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะด้วยสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่เป็นขาลง โดยเฉพาะวงการไอทีก็มี Lay off กันอยู่บ่อยๆ เพื่อจำกัดงบประมาณให้บริษัทต้องอยู่รอดต่อไปได้ หรือก็มีแม้กระทั่ง ข่าวปิดบริษัท ข่าวควบรวมกิจการ ออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งไทยและทั่วโลก

Appsynth ไม่ใช่สถานที่ แต่คือผู้คน

คำนี้แม้จะดู Marvel ไปหน่อย แต่ไม่เกินจริงสำหรับเรา เพราะเป็นหนึ่งในเหตุผลหลัก ที่ทำไมเรายังทำงานที่นี่นานขนาดนี้ ผู้คนหรือเพื่อนร่วมงาน ที่เก่ง ทัศนคติดี คุยเข้าใจกัน ภาษาเดียวกัน แชร์ความรู้กัน ทุกคนมีของดี มีความถนัด ที่ผสมผสานเป็นทีมแล้วลงตัว (ถ้าไม่ลงตัวก็สามารถคุยกันได้อย่างตรงไปตรงมา)

ในขณะที่ ตัวเราเองอยู่มานาน ก็เห็นผู้คนเข้าและออกจากที่นี่บ่อย แรกๆ ก็ไม่ชิน มีความใจหาย ความเสียใจ ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่นี่เหมือนเรานะ แต่สุดท้ายทุกๆ คน ก็ยังมีเป้าหมายชีวิต/ความฝันที่บางอย่าง ที่นี่ก็ไม่ได้ตอบโจทย์หรือยังไม่เหมาะกับพวกเขา อาจจะด้วยเรื่องวัฒนธรรมองค์กรหรือสิ่งอื่นใดที่แต่ละบริษัทก็จะมีเอกลักษณ์/character ที่แตกต่างกันไป

แต่แล้ว ณ วันประชุมใหญ่ประจำปีของ Appsynth ก็มาถึง…

.

.

.

No more “Appsynth”

.

.

.

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ กับวลี No more “Appsynth” เป็นแค่ส่วนหนึ่งเล็กๆ ของคำพูด CEO กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนั้น(ที่คงเล่าเยอะไม่ได้ 😝) พอได้ยินประโยคนี้แล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง ทุกคนในห้องเงียบอาจเพราะต้องประมวลผลและข้อมูลหลายอย่าง บอกได้เลยว่า ความรู้สึกยิ่งกว่าโดนแฟนบอกเลิกอีกกก 5555

รู้สึกอย่างไร?

ความกังวล

ความกลัว

ความสงสัยข้องใจ

ความไม่ปลอดภัยก่อเกิดในใจฉัน

คำถามต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรต่อ ?

ซึ่งพอนั่งพิจารณาจริงๆ แล้ว มนุษย์ส่วนใหญ่คงชอบอยู่ใน Comfort zone นั่นแล่ะ อะไรที่ทำ/ที่ดำรงอยู่แล้วสบายใจ เราก็ไม่ค่อยอยากจะเปลี่ยนมันไป อยากจะคงมันไว้อย่างนั้น และก็ใช้แนวคิดนี้ได้กับทุกด้านของชีวิต

โลก(โดยเฉพาะไอที) ก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเราเองที่ก็ต้องพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พร้อมที่จะออกจาก Comfort zone พร้อมที่จะเจอ Challenge ใหม่ๆ ข้างหน้า

.

.

และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้นก็คือ…

.

.

ref: Appsynth, Deloitte

Appsynth joins forces with Deloitte. Southeast Asia

Appsynth ได้เข้าร่วมกับ Deloitte Southeast Asia ภายใต้ธุรกิจ Technology & Transformation ของ Deloitte ที่หลายๆ คนรู้จักว่าเป็นหนึ่งใน Big 4 Company

.

.

ชื่อบริษัท Appsynth ก็จะไม่มีอีกต่อไปแล้วจากการเข้าร่วมในครั้งนี้ แต่ที่ยังมีอยู่ คือผู้คนที่เราคุ้นเคย ย้ายไปขึ้นยานใหม่ ที่ใหญ่กว่าเดิม เครื่องมือพร้อมรบกว่าเดิม โอกาสเยอะขึ้นกว่าเดิม Go Global กว่าเดิม สิ่งเหล่านี้มันมากพอที่จะช่วยผ่อนคลายความกังวลใจของเราได้ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่มากขึ้นเช่นกัน

การขึ้นยานใหม่นี้ ทำให้เราจะได้พบปะกับเพื่อนใหม่ จะได้แชร์ความรู้ร่วมกัน และเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยและมีมาตรฐานมากขึ้น รวมทั้งสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับภูมิภาค/โลกนี้ได้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นการรวมสองทีมใหญ่ 1+1 = 3 ส่งเสริมกันและกันอย่างแท้จริง (อ่านเพิ่มเติมที่ลิ้งข่าวด้านบน)

หนึ่งใน Core value ของ Appsynth (ซูมดูทั้ง 5 Core value ได้ที่แผ่นรองเม้าส์ 😂) คือ Adaptable ที่หล่อหลอม”สไตล์” ของคนที่นี่ออกมาให้ลื่นไหลปรับตัว ถ้าให้เทียบเห็นภาพ ก็คงนึกถึงน้ำ ที่มีคุณสมบัติหลักคือของเหลวที่จะปรับเปลี่ยนไปตามภาชนะที่มันอยู่ ตอนแรก Appsynth ก็คงอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา แค่ตอนนี้น้ำกำลังไหลออกทะเลสู่อ่าวไทย เชื่อมต่อกับมหาสมุทรโลก

ทั้งหมดนี้ เลยเกิดเป็นความรู้สึกตกใจในทางที่ดี (It’s positive shocked) ที่อย่างน้อย เราก็ไม่ได้เป็นน้ำที่ไหลไป หรือขึ้นยานใหญ่ไปคนเดียวนะ ทางข้างหน้าเป็นยังไงไม่รู้ ยานลำใหญ่จะเป็นยังไงไม่รู้ ทะเลโลกจะหน้าตาเป็นยังไงไม่แน่ใจ รู้แค่เราไปด้วยกันทั้งทีม เปลี่ยนแปลงด้วยกันทั้งทีม ปรับตัวไปพร้อมๆ กันกับโอกาสใหม่และท้าทายที่จะเจอข้างหน้า

Once Appsynth, Always Appsynth 💚

ขอบคุณบ๊อบและทีม management ทุกคนสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้

ขอบคุณเพื่อนร่วมงานทุกคน (โดยเฉพาะทีมดีไซน์ที่น่ารัก)

เพราะทุกๆ คนใน Appsynth ที่มีของดีในตัว

สกิลและความเชี่ยวชาญ ผสมผสานกำลังทั้งทีม

ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และน่าสนใจนี้

แล้วพบกันใหม่ ในสถานที่ใหม่

ถึงเวลาละ เตรียมขึ้นยาน 🚀

.

.

Good bye “Appsynth”

See you again Appsynth 😉

.

.

The Next BIG Chapter of My Life Start Now!

Welcome to Deloitte. SEA Technology & Transformation

เอ้า เลือดสีเขียวเหมือนเดิม 😝💚

Facebook Comments

บทความอื่น ๆ