** เวลามักผ่านไปไวเสมอ **


อ่านไดอารี่เก่า ๆ ได้ที่นี่


ผมเพิ่งครบรอบ 9 ปีไปหมาดๆ กับการทำงานที่ Appsynth

ครับ… 9 ปี ทำงานที่เดิม ไม่ย้าย ไม่หนี Loyalty ขั้นสุดดดด

เคยคิดมั้ยครับ คนเราจะทำงานที่เดิมมาได้ไงนานขนาดนี้

อะไรมันจะดีขนาดนี้เนี้ยย #อวย

ผมขอแบ่งการเล่าเรื่องชีวิตการทำงานที่ Appsynth เป็น 3 ช่วงเวลา ช่วงละ 2-4 ปี ละกัน ดังนี้

1. New Joiner as learner (2013 – 2017)

ผมเริ่มงานที่ Appsynth เป็นที่แรกหลังเรียนจบ (ก่อนหน้านี้มีไปฝึกงานที่ บ ไอทีชื่อดังแห่งหนึ่งที่ทำ Windows) เกิดจากการที่เพื่อนชวนเข้าไป เราก็ไปสัมภาษณ์แบบงงๆ ได้คุยกับเจ้าของโดยตรงที่เป็นคน UK ที่มาเปิด บ ที่ไทย ได้เห็นวิสัยทัศน์และเป้าหมายของ Appsynth ที่น่าสนใจ Appsynth เป็นบริษัทแรกๆ ของไทยที่โฟกัสการทำแอปฯ บนมือถือ และในยุคสมัยนั้น มันกำลังมาจริงๆ ซึ่งทำให้เราจึงตัดสินใจเข้าร่วมทีม

ณ ตอนนั้นผมเป็นพนักงานคนที่ 10 ของบริษัท (ปัจจุบัน 13X คน) ตำแหน่งแรกที่ได้ทำคือ Windows Phone Developer

แต่ด้วยความที่ Windows Phone ไม่สามารถตีตลาด iOS และ Android ได้ ความต้องการน้อยในตลาด ทางบริษัทเองก็เปิดกว้างว่า เราทำอะไรเป็นอีกบ้าง?

แน่นอนว่าผมเองก็ทำฟรีแลนซ์ เปิด บ ตัวเองย่อมๆ เพื่อรับทำเว็บไซต์ (ก็เว็บที่กำลังอ่านกันอยู่นี่แล่ะ ถถถถ) จึงมีสกิลการออกแบบเว็บอยู่แล้ว และต้องเข้าใจเรื่อง Responsive Design ที่การแสดงผลของเว็บบนมือถือจะต้องให้ดูใช้งานง่าย ตอบโจทย์ความต้องการ มันก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับการออกแบบแอปฯ บนมือถือไปในตัว ทางบริษัทจึงให้เปลี่ยนตำแหน่งเป็น UX/UI Designer แทน ในตอนนั้น

ในภาพรวมของ Stage นี้ผมยกให้เป็นการเรียนรู้และเติบโตของการทำงานของตัวเอง ตามที่เคยเล่าใน [Diary] 4 ปีในงานประจำ กับผู้ชายที่ชื่อ 4 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผม Loyalty กับที่นี่ โดยเฉพาะการสนับสนุนความสะดวกสบาย/การพัฒนาของการทำงาน

เปลี่ยน Macbook ให้ เพื่อการทำงานที่ดีขึ้น

2. Growth Year (2017 – 2020)

หลังจากผ่านพ้นช่วงเติบโตและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ เนื้องานก็เริ่มหลากหลายขึ้น ได้ดูหลายโปรเจค ได้รับผิดชอบมากขึ้น เปลี่ยนตำแหน่งเป็น UX Design Lead เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงาน

ส่วนตัวบริษัทเองก็ขยายอย่างก้าวกระโดด มีการขยายออฟฟิศให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับพนักงานมากขึ้น จำนวนคนที่เพิ่มพีคสุดน่าจะอยู่ประมาณ 160-170 คน

Sep 2017

มีการจัด Sharing/Demo Session กันอยู่ต่อเนื่อง

ตัวผมเองก็ได้มีโอกาสไปพูดในที่สาธารณะครั้งแรก

บริษัทก็ยังโตต่อเนื่องจนที่ไม่พอให้พนักงานอีกแล้ว! (เพิ่งขยายออฟฟิศไปเกือบ 2 ปี)

และต้องย้ายไปตึกใหม่ในช่วงปลายปี 2019

เรียกว่าการทำงานก็สนุก ราบรื่น เติบโต ได้ประสบการณ์การทำงานต่างๆ อย่างเป็นที่พอใจ

3. Challenge Year (2020 – Now + Covid)

จนกระทั่งประมาณ มีนาคม 2020 ที่เริ่มมีโควิดระบาดและ Lockdown เมืองกัน หลายบริษัทต้องขอความร่วมมือพนักงานลดเงินเดือนบ้าง ทำงานให้น้อยจำนวนวันบ้าง หรือการเงินเริ่มขัดสนบ้าง

โชคดีที่บริษัทไอทีจะไม่ค่อยมีผลกระทบในด้านนี้เท่าอุตสาหกรรมอื่น แต่แน่นอนว่าการปรับตัวของบริษัทไอทีอย่างพวกเราก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาในมุมคนทำงาน พนักงานในบริษัท

วีคแรกๆ พนักงานก็ชิลดี เหมือนจะง่ายที่ทุกคนอยู่ทำงานที่บ้านได้ แต่การทำงานที่อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมนานๆ ก็เหมือนใช้พลังมากขึ้น เริ่มมีความเบื่อความหงอยเข้ามา เที่ยวก็ไม่ได้เที่ยว จนถึงขั้นผมต้องบินไปเที่ยวปารีสสักคืน

เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานบ้าง
แล้วก็เปลี่ยนกลับมามุม กทม บ้าง ถถถถถถถ

การทำงานก็จะเริ่มมีการ #จัดโต๊ะทำงาน ขึ้นมา ซื้อของที่จำเป็นต่อการทำงานที่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะของมันต้องมีจริงๆ ซึ่ง ณ ตอนนั้นที่ทำงานก็มี Budget สมทบให้คนละ 1,000 บาทไปซื้ออุปกรณ์การทำงานเพิ่มเติมเช่นโต๊ะ เก้าอี้ ต้นไม้ ฯลฯ

จนพอเริ่มผ่อนคลาย ก็จะเริ่มมีนโยบายให้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์ ปิดๆ เปิดๆ แบบนี้จนกระทั่งปีที่แล้ว 2021 ก็เกิดโควิดรอบสอง ทำให้ไม่ได้เข้าออฟฟิศกันอีกครั้ง พนักงานก็เริ่มชินกับการทำงานที่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งต้นปีนี้ 2022 บริษัทก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่าให้ Work From Anywhere ได้เลยยยยยยยยยยยยยยย

Anywhere ที่หมายถึงว่า Anywhere จริงๆ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ และเดือนนี้ก็เพิ่งลดจำนวนพื้นที่ในออฟฟิศไปเพื่อปรับตัวตามพฤติกรรมการทำงานของพนักงานที่เปลี่ยนไป ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายคนไปทำงานต่างประเทศเดือนนึงบ้าง ที่บ้านเกิดตัวเองบ้าง ก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน Benefit ที่บริษัทไอทีหลายที่เริ่มทำกันแล้ว

Appsynth มีดีอะไร อยู่มานานตั้ง 9 ปี?

แน่นอนว่าส่วนหลักๆ การทำงานที่นี่ ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตของผม แต่จะให้เล่าเรื่องเป้าหมายชีวิตซ้ำๆ ก็อาจจะน่าเบื่อไป (ตามไปอ่านเรื่องเป้าหมายชีวิต/การทำงานก่อนหน้าได้เลยที่ต้นบทความ) ดังนั้นขอเล่าเป็นข้อๆ ที่จะ #อวย ให้ฟัง 4 ข้อ ดังนี้ครับ

1.รับฟัง ปรับเปลี่ยน รวดเร็ว

จากที่ผมเล่าการทำงานตั้งแต่ต้นยันปัจจุบัน จะเห็นในภาพรวมได้เลยว่า Appsynth รับฟังเรา ปรับตัวปรับเปลี่ยนตามที่เรา Feedback ทำให้ตัวเราเองก็รับฟัง Appsynth และพร้อมปรับเปลี่ยนไปกับ Appsynth เช่นกัน ในทุกๆ เรื่องของการทำงานของเราที่มีอุปสรรค ทางบริษัทจะรับฟังและให้ความช่วยเหลือเสมอ โดยอยู่บนหลักของเหตุและผลที่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย

2.สนับสนุนความสะดวกสบาย/การพัฒนาของการทำงาน

ความสะดวกมีในหลายมุม ตั้งแต่เรื่องอุปกรณ์การทำงาน ได้ใช้แมคใหม่ หรือถ้าจะใช้เครื่องแมคตัวเองก็มีนโยบาย Bring Your Own Device ที่บริษัทจะช่วยค่าใช้จ่ายตามสเปคที่กำหนดได้ (ปัจจุบันให้ไม่เกิน 60,000 บาท) ค่าใช้จ่าย Software Tools ในการทำงานพื้นฐาน, ค่าศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ก็มี Budget สนับสนุนให้ และ Benefit ต่างๆ อีกมากมาย

3. เพื่อนร่วมงานที่ดีและเก่ง

ขอย้ำข้อดีอีกครั้งเหมือนตอนที่เคยเล่าตอนทำงานครบ 4 ปี ทุกคนเคยได้ยินว่า เพื่อนร่วมงานดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ซึ่งที่นี่ดีกว่าอีกคือมีความเก่งของแต่ละคน แล้วมาแชร์ความรู้กันและกัน ดังที่ผมเล่าให้ฟังก่อนหน้าที่จะมี Sharing session ต่างๆ

อีกเรื่องนึงที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษคือที่นี่เราจะมีเพื่อนร่วมงานต่างชาติด้วยนะ แน่นอนเรามีวิธีละลายพฤติกรรมกันด้วย Beer day ที่ก็ไม่ได้มีแต่เบียร์ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนในบริษัทได้ทำความรู้จักกัน

ล่าสุดก็มีไป Company Trip เมื่อ May 2022 ก็เพิ่งจะได้เจอเพื่อนร่วมงานที่คุยกันหน้าจอมาเกือบปีเลยนะ 😀

4. Benefit สำหรับคนอยู่นาน

นอกจาก Benefit ทั่วๆ ไปที่บริษัทพึงมี ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพ, วันลา, โบนัส, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ ที่นี่จะมีสิ่งหนึ่งที่คนที่อยู่นานอย่างผม จะคุ้มมากกกกกกกก ที่เห็นชัดๆ จะมีอยู่ 2 อย่างหลักๆ คือ

Sabbatical leave 

เป็นการลาพักร้อนพิเศษนอกเหนือจากสิทธิวันลาปกติ (10 วันต่อปีในปีแรก ปีถัดมาเพิ่มขึ้นปีละวัน และสามารถทบไปปีถัดไปได้สูงสุด 5 วัน) ซึ่งการลาพักร้อนพิเศษนี้จะต้องใช้ลาระยะเวลาต่อเนื่องเท่านั้น เป็น Benefit พิเศษสำหรับพนักงานที่ทำงานครบ 3, 5, 8 ปี จะได้สิทธิลาต่อเนื่องได้ 1, 2, 4 สัปดาห์ ตามลำดับ โดยก็ยังได้รับเงินเดือนตามปกตินะ เพียงต้องแจ้งทีมที่ทำงานด้วยล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน ซึ่งตอนนั้นผมก็ลาไปเที่ยว UK ตอนช่วงครบ 5 ปีเลยแล่ะ

Phantom share

อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ คือหุ้นสมมติของบริษัท ที่ได้ปันผล และให้เฉพาะตอนเป็นสถานะพนักงานเท่านั้น (ลาออกแล้ว = หุ้นออกด้วย) บริษัทจะแจกหุ้นสมมตินี้ให้พนักงานทุกคน โดยจำนวนหุ้นที่จะแจก ขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ทำงาน ยิ่งอยู่นาน หุ้นยิ่งเยอะ = ปันผลก็เยอะนั่นเองงง

โดยบริษัทจะจ่ายปันผลจากกำไรส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่าย ซึ่งก็แล้วแต่ผลประกอบการปีนั้นๆ แต่อย่างน้อยๆ เท่าที่ได้มาก็คือ ยิ่งกว่าโบนัสอีกก้อนนึงเลยล่ะ 😀

ตรงนี้เป็นเรื่อง win-win ตรงที่ว่า ถ้าเราอยากได้ปันผลเยอะ เราก็ต้องทำงาน ทำงาน ทำงาน ให้มีคุณภาพ เป็นเสมือนว่าเราได้เป็นเจ้าของร่วมกับบริษัทในทางอ้อมจริงๆ

9 ปี 9 ไกล ไปกับพวกเรา

Appsynth ยังคงโฟกัสเรื่องแอปฯ มือถือเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือเป็นที่ปรึกษาที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้าของเราแบบ One-Stop service ในการสร้าง Product ตั้งแต่เริ่มต้นค้นหาและเลือกไอเดีย สร้าง และต่อยอด Product ให้เติบโตและยั่งยืนไปพร้อมๆ กันทั้งลูกค้าธุรกิจและกลุ่มผู้ใช้งาน Product นั้นๆ

รวมถึงเรามีประสบการณ์ที่หลากหลายอุตสาหกรรมที่เข้ามาจากลูกค้าของเรา ทำให้ทีมเราทันยุคทันสมัยอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใครสนใจอยากร่วมงานกับเรา ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่มองหาทีมไปช่วยสร้าง Product ที่ Impact กับธุรกิจตัวเอง หรืออยากจะจอยทีมกับพวกเราชาว Appsynth ก็สามารถส่งอีเมลมาได้ที่ [email protected] ครับ

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ Appsynth ได้ทาง Website และ Facebook 

Facebook Comments